วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2562

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที 7

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2562




1.กิจกรรมวงกลม
   อาจารย์เริ่มจากให้นักศึกษาทุกคนจับคู่ของตนเองและให้เพื่อนของคู่ตนเองเป็นผู้นำท่าต่างๆ จากนั้นอาจารย์ได้สั่งให้นักศึกษาจับกลุ่ม 10 คน ใน 10 คนให้ 1 คนออกมาเป็นผู้นำและให้เพื่อนเกาะเป็นงูไปเรื่อยๆ เป็นเหมือนกิจกรรมที่มีผู้นำผู้ตาม คนนึงนำและอีกคนก็ตามไปตามจังหวะเพลงที่อาจารย์ได้เปิด

2.ทักษะ EF 
   ทักษะ EF คือ กระบวนการทางความคิดในสมองส่วนหน้า ที่เกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก การกระทำ เป็นความสามารถของสมองที่ใช้บริหารจัดการในชีวิตเรื่องต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้สามารถตั้งเป้าหมายในชีวิต รู้จักวางแผน มีความมุ่งมั่น จดจำสิ่งต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ รวมทั้งรู้จักริเริ่มลงมือทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นตอน
Executive Functions (EF) ประกอบด้วย 9 ทักษะ ได้แก่
1. ทักษะความจำที่นำมาใช้งาน (Working Memory)
2. ทักษะการยั้งคิด (Inhibitory Control)คือ การควบคุมอารมณ์ตนเอง รู้ว่าสิ่งใดควรทำ – ไม่ควรทำ
3. ทักษะการยืดหยุ่นความคิด (Shift Cognitive Flexibility) คือ ทักษะที่ช่วยให้ลูกรู้จักปรับตัว ยืดหยุ่น และรู้จักแก้ไขปัญหาได้ตามแต่ละสถานการณ์
4. ทักษะการใส่ใจจดจ่อ (Focus) เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการที่เด็กมีสมาธิ ไม่วอกแวก
5.การควบคุมอารมณ์ (Emotion Control) ช่วยให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดี ไม่โมโห หงุดหงิดง่าย
6.การวางแผนและการจัดการ (Planning and Organizing)  เป็นการฝึกให้เด็กรู้จักตั้งเป้าหมายและคิดวางแผนด้วยตนเอง
7.การประเมินตนเอง (Self-Monitoring) 
8. การริเริ่มและลงมือทำ (Initiating) เป็นการฝึกให้เด็กกล้าคิด กล้าทำอะไรใหม่ๆ
9. มีความเพียรมุ่งสู่เป้าหมาย (Goal-Directed Persistence) ช่วยให้เด็กไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคง่ายๆ จะตั้งใจทำจนกว่าจะสำเร็จ


รูปกิจกรรมในวันนี้


รูปกิจกรรมในวันนี้


รูปกิจกรรมในวันนี้

ประเมินตนเอง : วันนี้สนุกมากค่ะที่ได้ร่วมทำกิจกรรม
ประเมินเพื่อน : เพื่อนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมมากค่ะ
ประเมินอาจารย์ : วันนี้อาจารย์มีกิจกรรมมาให้ทำอย่างหลากหลายค่ะ

บันทึกหลังการเรียนรู้ครั้งที่ 6

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2562


            วันนี้ได้เข้าร่วมกับกิจกรรมที่อาจารย์ได้จัดขึ้นมาให้ความรู้แก่นักศึกษาทุกคนโดยมีวิทยากรอาจารย์ที่เคยเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ให้ความรู้ในเรื่อง สารนิทัศน์ สำหรับเด็กปฐมวัย 
เริ่มแรกก่อนที่จะฟังคำบรรยายและทำความรู้จักของเนื้อหาอาจารย์ท่านได้เริ่มให้พวกเราเต้น T25 เพื่อกระตุ้นให้เราสนุกและตื่นในช่วงเช้าค่ะ ทำให้นักศึกษาสนุกและสร้างความคุ้นเคยเป็นกันเองกับอาจารย์

1.ความหมายของสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย
              สรุป สารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย หมายถึง ข้อมูลที่เป็นหลักฐานอาจเป็นคำพูด การกระทำ ผลงานของเด็ก หรือการสะท้อนตนเองของเด็กและผู้เกี่ยวข้อง สะท้อนความคิดของเด็ก รวมถึงการจัดทำหลักฐานแสดงให้เห็นการเจริญเติบโต พัฒนาการ และการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย

2.ความสำคัญของสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย
สารนิทัศน์มีความสำคัญต่อเด็กปฐมวัยและผู้เกี่ยวข้อกับเด็กปฐมวัยหลายประการ ดังต่อไปนี้
    1.ช่วยให้ค้นพบและเห็นพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด้กปฐมวัยอย่างชัดเจนทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคมและสติปัญญา
    2.ช่วยสร้างเสริมการเรียนรู้ครู ทำให้ครูเข้าใจพัฒนาการเรียนรู้ที่มีความหมายและเป็นรูปธรรมของเด็กปฐมวัย เห็นกระบวนการเรียนรู้ขอตนเอง
    3.ช่วยให้ข้อมูลที่นำไปใช้ในการพิจารณาสร้างเสริมพฤติกรรมและการเรียนรู้สำหรับเด้กปฐมวัยทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
    4.ช่วยเชื่อมโยงหลักการทฤษฎีสู่การปฏิบัติ ทำให้ผู้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยตระหนักถึงสิ่งที่ตนเองปฏิบัติ เข้าใจตนเองและมีทิศทางในอนาคต
    5.ช่วยทำให้ผู้เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยกำหนดเป้าหมายบทบาทในการพัฒนาและการประเมินตนเองตามบริบทที่เป็นจริง
    6.ช่วยสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่เข้มแข็งให้กับครอบครัว สถานศึกษา และชุมชนได้เห็นวิถีทางที่เด็กปฐมวัยเรียนรู้
    7.ช่วยพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาได้อย่างเป็นระบบต่อเนื่อง สนองความต้องการในการประกันคุณภาพและการปฏิรูปการพัฒนาวิชาชีพครู
      สรุป สารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยสำคัญหลายประการ เช่น ช่วยให้เห็นพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยอย่างชัดเจนทุกด้าน ทำให้ครูเข้าใจพัฒนาการและการเรียนรู้ความหมายและรูปธรรมของเด็ก

3.ครูจัดทำสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยอย่างไร ?

-เตรียมสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ให้เหมาะสมกับข้อมูลที่ต้องการเก็บ วางแผน การเลือกและการจัดการกับวัสดุสื่อที่เหมาะสม
-ศึกษาหลักสูตรเป้าหมายการพัฒนาเด็ก ซึ่งจะช่วยให้ทราบว่าควรเก็บข้อมูลประเภทใด ลักษณะใดจึงจะทำให้เห็นพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก
-วางแผนการจัดทำ เลือกวิธีเก็บข้อมูล เช่น บันทึกสั้น ภาพถ่าย แบบสังเกต ภาพจากสไลค์แถบเสียง แถบบันทึก ภาพ
-ตั้งเป้าหมายการจัดทำ เช่น การบันทึกพฤติกรรมเด็ก โดยใช้วิธีสังเกตและการใช้บันทึกเสียงสั้น
-จัดแสดงข้อมูลหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก 

4.บทบาทครูในการพัฒนาความคิดให้กับเด็กปฐมวัย

      ครูมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความคิดให้กับเด็กปฐมวัยโดยครูจะต้องจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาและส่งเสริมความคิดอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ บทบาทของครูพอจะกล่าวได้ดังนี้
-สร้างความเป็นกันเอง ความอบอุ่นเพื่อให้เด็กมีความมั่นใจที่จะพูด กล้าคิด กล้าทำ
-เป็นผู้ฟังที่ดี และตั้งใจฟังคำถามของนักเรียน
-เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้เรียนค้นคว้าและแสวงหาคำตอบด้วยตนเอง
-ให้โอกาสผู้เรียนคิดโดยใช้วิธีการอย่างหลากหลาย
-ลดบทบาทในการเป็นผู้สอน ผู้บรรยาย ผู้บอก แต่ควรใช้วิธีการแนะหรือส่งเสริมให้ผู้เรียนพบคำตอบด้วยตนเอง
- ยั่วยุให้ผู้เรียนเกิดความสงสัย เกิดปัญหาและอยากหาคำตอบ โดยตั้งคำถามอย่างหลากหลายให้คิด
-ครูต้องมีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะในการจัดประสบการณ์ให้เด็กมีทักษะในการคิด
    ดังนั้นการที่จะให้เด็กได้มีการพัฒนาความคิดนั้นครูจำเป็นต้องจัดประสบการณ์ที่เหมาะสมและต้องมีความรู้ความเข้าใจในการส่งเสริมและพัฒนาความคิดให้กับเด็กปฐมวัย

ประเมินตนเอง : ตั้งใจร่วมกิจกรรมค่ะ
ประเมินเพื่อน : เพื่อนตั้งใจร่วมกิจกรรมค่ะ
ประเมินอาจารย์ :อาจารย์หากิจกรรมมาให้ร่วมดีมากค่ะ

บันทึกหลังการเรียนรู้ครั้งที่ 5

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2562



รูปกิจกรรมในวันนี้

รูปกิจกรรมในวันนี้


ประสบการณ์สำคัญ 
   จะช่วยอธิบายให้ผู้สอนเข้าใจว่าเด็กปฐมวัยต้องทำอะไร เรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว อย่างไรและทุกประสบการณ์มีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก ช่วยแนะผู้สอนในการสังเกต สนับสนุน และวางแผนการจัดกิจกรรมให้เด็ก ประสบการณ์สำคัญที่กำหนดไว้ในหลักสูตรมีความสำคัญต่อการสร้างองค์ความรู้ของเด็ก ตัวอย่างเช่น เด็กเข้าใจความหมายของพื้นที่ ระยะ ผ่านประสบการณ์สำคัญการบรรจุและเทออก ดังนั้นผู้สอนจึงวางแผนจัดกิจกรรมให้เด็กเล่นบรรจุทราย/น้ำลงในภาชนะหรือถ่ายเททราย/น้ำออกจากภาชนะต่างๆ ขณะเล่นทราย เล่นน้ำ เด็กจะเรียนรู้ผ่านประสบการณ์สำคัญซ้ำแล้วซ้ำอีก มีการปฏิสัมพันธ์กับวัตถุ สิ่งของ ผู้ใหญ่ และเด็กอื่น ฯลฯ ผู้สอนที่เข้าใจและเห็นความสำคัญจะยึดประสบการณ์สำคัญเป็นเสมือนเครื่องมือสำหรับการสังเกตพัฒนาการเด็ก  แปลการกระทำของเด็ก ช่วยตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดสื่อ และช่วยวางแผนกิจกรรมในแต่ละวัน

ประเมินตนเอง : ร่วมทำกิจกรรมอย่างเต็มที่ค่ะ
ประเมินเพื่อน : เพื่อนในความร่วมมือในการทำกิจกรรมได้ดีมากค่ะ
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์มีกิจกรรมให้ทำได้หลากหลายมากค่ะ

บันทึกหลังการเรียนรู้ครั้งที่ 4

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2562


1.การจัดการเรียนรู้แบบทักษะ EF ( Executive Function ) 
     EF คืออะไร ?     
EF ( Executive Function ) เกี่ยวข้องกับพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างไร เราจะ มีวิธีส่งเสริมพัฒนาการด้านนี้ได้อย่างไร เรามาเรียนรู้พร้อมกันนะคะ EF = ( Executive Function ) คือ การทำงานของสมองด้านการจัดการ ซึ่งมีอิธิพลต่อความสำเร็จในชีวิต "ฟังดูน่าสนใั้จมาก"โดยอาศัยกระบวนทางปัญญา(cognitive process) ต่างๆ เช่น การยับยั้งความคิด การแก้ปัญหา การวางเป้าหมาย การวางแผนไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ( goal - directed behavior) สรุปคือ เป็นความสามารถในการควบคุมความคิของตนเองนั่นเอง เช่น มีรูปแบบความคิดที่หลากหลาย การคิดนอกกรอบ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนความคิดและความสนใจตามสถานการณ์ และการปฏิบัติตามคำสั่งที่ซับซ้อน

EF ( Executive Function ) ที่สำคัญมีทั้งหมด 9 ด้าน 
1.ทักษะความจำที่นำมาใช้งาน (Working Memory) คือทักษะจำหรือเก็บข้อมูลจากประสบการณ์ที่ผ่านมา และดึงมาใช้ประโยชน์ตามสถานการณ์ที่พบเจอ 
2.ทักษะกรยังยั้งชั่งใจ คิดไตร่ตรอง (Inhibitory Control) คือ ความสามารถในการควบคุมความต้องการของตนเองให้อยู่ระดับที่เหมาะสม เด็กที่ขาดความยังยั่งชั่งใจจะเหมือนรถที่ขาดเบรกอาจทำสิ่งใดโดยไม่คิด มีปฏิกิริยาในทางที่ก่อให้เกิดปัญหาได้
3.ทักษะการคิดยืดหยุ่น (Shift Cognitive Flexibility ) คือ ความสามารถในการยดหยุ่นหรือปรับเลี่ยนไม่เหมาะสมกับสถานการณ์เกิดขึ้นด้
4.ทักษะการใส่ใจจดจ่อ (Focus) คือ ความสามารถในการใส่ใจจดจ่อ มุ่งความสนใจอยู่กับสิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง
5.การควบคุมอารมณ์ (Emotion Control) คือ ความสามารถในการควบคุมแสดงออกทางอารมณ์ให้อยู่ในระดับที่หมาะสม เด็กที่ควบคุมอารมณ์ตนเอง ไม่ได้เป็นคนโกรธ ฉุนเฉียว และอาจมีอาการซึมเศร้า
6.การประเมินตัวเอง (Self Monitoring) คือ การสะท้อนการกระทำของตนเอง รู้จักตนเอง รวมถึงการประเมินการงานเพื่อหาข้อบกพร่อง
7.การริเริ่มลงมือทำ (Initiating) คือ ความสามารถในการริเริ่มและลงมือทำตามความคิด ไม่กลัวความล้มเหลว ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
8.การวางแผนและจัดระบบดำเนินการ (Planning and Organizing) คือ ทักษะการทำงานตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย การวางแผน การมองเห็นภาพรวม 
9การมุ่งเป้าหมาย(Goal-Directed Persistence) คือ ความพากเพียรมุ่งสู่เป้าหมาย เมื่อตั้งใจและลงมือทำสิ่งใดแล้วก็มีความมุ่งมั่น 

การสอนแบบมอนเตสซอรี่

เริ่มจากการสังเกต ศึกษาพัฒนาการของเด็กของแต่ละคน การสอนแบบมอนเตสซอรี่จะไม่เน้นการเรียนรู้แบบท่องจำ แต่จะเน้นการเล่นหรือการทำกิจกรรมเป็นหลัก โดยการให้เด็กได้เลือกทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่ตัวเองสนใจ มอนเตสซอรี่ได้จัดทำอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่หลากหลายตามความสนใจและตามวุฒิภาวะของเด็กที่แตกต่างกัน ซึ่งจะช่วยพัฒนาทางด้านประสบการณ์ชีวิต งานวิชาการ และทางประสาทสัมผัส เช่น การแต่งกาย การทำความสะอาด การขัดและอุปกรณ์ในการทำงานบ้าน สำหรับอุปกรณ์จะมีการออกแบบให้เด็กได้พัฒนาสติปัญญา และพัฒนาการคิดอย่างมีระบบมีเหตุผล เช่น อุปกรณ์ทางคณิตศาสตร์ อุปกรณ์ทางภาษาและหลักภาษา การมองเห็น การชิมรส การได้ยิน การดมกลิ่น เป็นความรู้สึกที่ใช้ประสาทสัมผัสร่วมกัน

แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่จะเริ่มจากการเรียนรู้แบบรูปธรรมไปสู่แบบนามธรรม และอุปกรณ์ของมอนเตสซอรี่สามารถนำมาใช้ได้หลายรูปแบบ อุปกรณ์เป็นสิ่งที่ช่วยควบคุมตัวเด็กในการทำงาน เด็กจะพอใจเมื่อทำงานต่าง ๆ ได้ถูกต้อง และในการจัดเก็บอุปกรณ์จะต้องมีที่เฉพาะสำหรับวางอุปกรณ์ เพื่อที่เด็กจะได้จัดเก็บอุปกรณ์เข้าที่ให้เรียบร้อย เมื่อเล่นเสร็จแล้วซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เด็กรู้จักการเรียนรู้การใช้อุปกรณ์ร่วมกัน


หลักการสอนของมอนเตสซอรี่

เด็กได้รับการยอมรับนับถือ เพราะเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน เด็กจึงควรได้รับการยอมรับในลักษณะเฉพาะของตัวเอง คุณครูควรจัดกิจกรรมพัฒนาให้เด็กแต่ละคนตามความสามารถ และพัฒนาการความต้องการตามธรรมชาติของเด็กในแต่ละช่วงวัย
จิตซึมซับ เด็กมีจิตแห่งการหาความรู้ที่เปรียบเสมือนฟองน้ำ โดยเด็กจะซึมซับเอาข้อมูลต่าง ๆ จากสิ่งแวดล้อมเข้าไปในจิตของตัวเอง
ช่วงเวลาหลักของชีวิต เด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปี เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดสำหรับการเรียนรู้ของการพัฒนาด้านสติปัญญาและจิตใจ ในช่วงเวลานี้ เด็กควรมีอิสระในการเลือกกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ
การเตรียมสิ่งแวดล้อม เด็กจะได้รับการพัฒนาให้เกิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุด จากการจัดสภาพแวดล้อมที่มีความพร้อมอย่างมีระบบและมีจุดมุ่งหมายไปตามขั้นตอน โดยมีสื่ออุปกรณ์มอนเตสซอรี่เป็นตัวกำหนดขอบเขตในการทำงาน
การศึกษาด้วยตัวเอง เด็กได้รู้จักเรียนรู้ระเบียบวินัยของการอยู่ร่วมกันภายในสังคม และมีอิสระในการทำงาน รู้จักเรียนรู้การแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบ และมีความภาคภูมิใจต่อความสำเร็จในการทำงาน จนทำให้เด็กเกิดความเชื่อมั่นและเห็นคุณค่าในตัวเอง
การวัดประเมินผล คุณครูในชั้นเรียนจะเป็นผู้ประเมินผล โดยใช้วิธีการสังเกตและวิเคราะห์เด็กเป็นรายบุคคล ในสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง ซึ่งครูผู้มีประสบการณ์และผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการศึกษาแบบมอนเตสซอรี่ จะมีความเชี่ยวชาญในการสังเกต จดบันทึก และวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เรียน
การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่
การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่นั้น จะเน้นการจัดสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนให้เหมือนบ้าน โดยมีคุณครูเป็นผู้ให้การสนับสนุน ให้คำปรึกษา และกระตุ้นให้เด็กคิดแก้ปัญหาด้วยตัวเอง โดยใช้จิตซึมซับกับสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงความสนใจความต้องการของเด็กในการเรียนรู้ ยึดความแตกต่างระหว่างบุคคล และส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างอิสระ โดยจะจัดสิ่งแวดล้อมและอุปกรณ์ให้เด็กได้ฝึกทักษะด้านกลไกผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ที่ช่วยให้เด็กรู้จักควบคุมการทำงานด้วยตัวเอง สิ่งแวดล้อมและอุปกรณ์เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการสอนแบบมอนเตสซอรี่ที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้ด้วยตัวเอง จากการที่เด็กได้สัมผัสกับงานที่ได้พบเห็นในชีวิตประจำวัน และการเรียนแบบมอนเตสซอรี่นั้นต้องจัดพื้นที่ว่างสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพื่อที่เด็กจะได้นั่งทำงานทั้งบนเก้าอี้และบนพื้น เพราะเด็กจะได้มีส่วนร่วมและรับผิดชอบในการจัดเก็บหรือวางอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบอุปกรณ์ของมอนเตสซอรี่แต่ละชิ้นจะเน้นอยู่ที่การรับรู้โครงสร้างของอุปกรณ์ที่จัดไว้ โดยผ่านประสาทสัมผัสของการเคลื่อนไหว และในการจะใช้อุปกรณ์แต่ละชนิด คุณครูจะต้องเป็นผู้สาธิตการใช้อุปกรณ์ให้เด็กดูก่อน ซึ่งจะทำให้เด็กเกิดความสนใจและอยากทำกิจกรรมกับอุปกรณ์นั้น ๆ อุปกรณ์แต่ละชนิดจะมีลำดับความยาก-ง่ายต่อเนื่องกันไป 
ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียนค่ะ
ประเมินเพื่อน : เพื่อนตั้งใจเรียน มีคุยกันบ้างค่ะ
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์อธิบายเข้าใจดีค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2562


คลิปวีดีโอตัวอย่างการจัดประสบการณ์การเคลื่อนไหวและจังหวะ 

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2562

บันทึกหลังกาารเรียนรู้ครั้งที่ 3

วันจันทร์ ที่ 2 กันยายน 2562 






วันนี้เรียนรวมกันทั้ง   2 กลุ่มค่ะ  เนื่องจากช่วงบ่ายอาจารย์มีประชุมค่ะ
อาจารย์ให้เขียนแผนจัดประสบการณ์การเคลื่อนไหว 5 วันของแต่ละกลุ่มค่ะ

กิจกรรมพื้นฐาน
 การเคลื่อนไหวร่างกายแบบพื้นฐาน  เช่น การเดิน การวิ่ง การกระโดด เป็นต้น 

การเคาะจังหวะ 

เคาะ 1 ครั้ง  ให้กระโดด  1 ครั้ง
เคาะ 2 ครั้ง ให้กระโดด 2  ครั้ง
เคาะรัวๆ กระโดด ไปรอบห้องอย่างรวดเร็วๆ
เมื่อ เคาะ  2 ครั้งติดกันให้หยุดเคลื่อนไหวในท่านั้นทันที





ตามรูปภาพ เป็นการสาธิตการจักกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลาค่ะ แต่งกายเรียบร้อย
ประเมินเพื่อน : เพื่่อนมีมาสายบ้างค่ะ ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมดีมากค่ะ 
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์อธิบายการจัดประสบการณ์เคลื่อนไหวได้ละเอียดมากค่ะ 

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2562

บันทึกหลังการเรียนรู้ครั้งที่ 2

วันที่ 26 สิงหาคม 2562






วันนี้ทำกิจกรรมกลุ่มค่ะ เขียนแผนผังที่ควรเรียนรู้ และนำมาเขียนกิจกรรมหลักทั้ง 6 กิจกรรม เพื่อใช้สอนใน 1 สัปดาห์



กลุ่มที่ 1 ธรรมชาติรอบตัวเด็ก หน่วย ต้นไม้



กลุ่มที่ 2 ธรรมชาติรอบตัวเด็ก หน่วย นม



กลุ่มที่ 3 เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่รอบตัวเด็ก หน่วย ครอบครัวหรรษา




กลุ่มที่ 4 เรื่องสิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก หน่วย ยานพาหนะ





และกลุ่มที่ 5 เรื่องราวเกี่ยวกับเด็ก หน่วย แรกรับประทับใจ กลุ่มของดิฉันเองค่ะ



ประเมินตนเอง : วันนี่เข้าห้องเรียนช้ากว่าอาจารย์ค่ะ แต่ตั้งใจเรียนนะคะ
ประเมินเพื่อน : เพื่อนช่วยกันตอบคำถามและช่วยกันทำงานค่ะ
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์พูดเสริมในกิจกรรมหลัก  6 กิจกรรมค่ะ

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 11

รูปกิจกรรมพิเศษ ที่นักศึกษาร่วมกันขนย้ายสิ่งของในห้องเรียนค่ะ รูปกิจกรรมจิตอาสาในการขนย้ายสิ่งของห้องเรียนเก่าไปสู่ห้องเรียนใ...